ในปี ค.ศ. 1931 ซึ่งเป็นยุคทองของภาพยนตร์เพลงฮอลลีวูด “Vagabond King” โดดเด่นด้วยเสน่ห์ของดนตรีและการแสดงที่น่าประทับใจ ในขณะที่เป็นภาพยนตร์เพลงแบบฉบับ “Pre-Code” ที่เต็มไปด้วยความโรแมนติก ความทะเยออน และความขัดแย้งทางสังคม
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในยุโรปศตวรรษที่ 16 “Vagabond King” หรือ “พระราชาผู้ไร้บ้าน” เล่าถึง Taffy (รับบทโดย Maurice Chevalier) นักร้องเพลงและนักดนตรีเร่ร่อน ผู้มีชีวิตที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานและไม่ยอมจำนนต่อกฎเกณฑ์ใดๆ Taffy และคณะของเขาเดินทางไปยังประเทศเยอรมนี โดยที่ Taffy ต่างกับนักดนตรีทั่วไป
Taffy ไม่ใช่เพียงแต่ผู้เชี่ยวชาญด้านดนตรีเท่านั้น แต่เขายังเป็นผู้ชายที่มีหัวใจโรแมนติก เมื่อ Taffy พบกับ Ilsa (รับบทโดย Jeanette MacDonald) หญิงสาวผู้มีฐานะสูงและมักจะตกหลุมรักอยู่เสมอ Taffy ต่างหลงใหลในความงามของ Ilsa และเริ่มจีบเธออย่างหนัก
อย่างไรก็ตาม ความรักของ Taffy เผชิญกับอุปสรรคอย่างมาก เนื่องจาก Ilsa ถูกหมั้นหมายอยู่แล้ว ความขัดแย้งนี้ทำให้เกิดเหตุการณ์ตื่นเต้นเร้าใจ และเต็มไปด้วยดนตรีที่ไพเราะ
“Vagabond King” สร้างขึ้นโดย Metro-Goldwyn-Mayer (MGM) สตูดิโอภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้น และกำกับโดย Ludwig Berger ซึ่งเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ที่มีฝีมือและประสบการณ์
นักแสดงนำของ “Vagabond King”:
นักแสดง | ตัวละคร |
---|---|
Maurice Chevalier | Taffy |
Jeanette MacDonald | Ilsa |
นอกจาก Maurice Chevalier และ Jeanette MacDonald แล้ว “Vagabond King” ยังมีนักแสดงสมทบที่มีฝีมืออีกมากมาย เช่น
- Jack Durant: รับบทเป็น “Baron,” เพื่อนของ Taffy
- Lionel Barrymore: รับบทเป็น Duke
ดนตรีและการเต้นรำที่น่าจดจำ:
ภาพยนตร์เพลงยุคนี้มักจะโดดเด่นด้วยการแสดงดนตรีและการเต้นรำที่น่าประทับใจ และ “Vagabond King” ก็ไม่พลาดที่จะสร้างความสุขให้กับผู้ชม
เพลงในภาพยนตร์ เช่น “Love in Bloom,” “Vagabond King” , and “To The Last Drop,” ได้รับความนิยมอย่างมากในสมัยนั้น
“Vagabond King” ถ่ายทำด้วยเทคโนโลยีแบบยุค 1930s:
เทคนิคการถ่ายภาพยนตร์ในยุคนั้นยังไม่ซับซ้อนเท่าปัจจุบัน
- “Vagabond King” ถูกถ่ายทำด้วยฟิล์มสีขาวดำ และใช้เทคนิคการตัดต่อภาพยนตร์แบบดั้งเดิม
- การออกแบบฉากและเครื่องแต่งกาย ได้รับอิทธิพลจากสไตล์ยุโรปศตวรรษที่ 16
การวิเคราะห์ “Vagabond King”:
“Vagabond King” ไม่เพียงแต่เป็นภาพยนตร์เพลงสนุกสนานเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดทางสังคมที่น่าสนใจ
- ความรักข้ามชั้นวรรณะ: ความรักของ Taffy และ Ilsa แสดงให้เห็นถึงความยากลำบากในการรักใคร่ระหว่างผู้คนจาก阶层ทางสังคมที่ต่างกัน
- ความฝันและอุดมการณ์: Taffy เป็นตัวแทนของผู้คนที่ใฝ่หาความเป็นอิสระ และไม่ยอมจำนนต่อข้อบังคับทางสังคม
บทสรุป:
“Vagabond King” เป็นภาพยนตร์เพลงที่น่าจดจำจากยุคทองของฮอลลีวูด
ด้วยดนตรีที่ไพเราะ การแสดงที่น่าประทับใจ และเนื้อหาที่มีความหมาย “Vagabond King” ยังคงเป็นภาพยนตร์ที่ผู้ชมทุกวัยสามารถเพลิดเพลินได้
หากคุณเป็นแฟนตัวยงของภาพยนตร์เพลงคลาสสิก “Vagabond King” จะทำให้คุณประทับใจอย่างแน่นอน!